เพราะหลังจากที่โฆษณาได้ออนไลน์แล้ว Google จะมีการวิเคราะห์คุณภาพของเว็บไซต์โดย Google มีมาตราฐานในการประเมินว่าที่เราทำเว็บไซต์นั้น มีสิทธิภาพภาพรึเปล่าได้คะแนนคุณภาพเท่าไหร่ โดยยึดหลัก ดังนี้
เพราะหลังจากที่โฆษณาได้ออนไลน์แล้ว Google จะมีการวิเคราะห์คุณภาพของเว็บไซต์โดย Google มีมาตราฐานในการประเมินว่าที่เราทำเว็บไซต์นั้น มีสิทธิภาพภาพรึเปล่า
ได้คะแนนคุณภาพเท่าไหร่ โดยยึดหลัก ดังนี้
1. ความเกี่ยวข้องของโฆษณา เป็นการวัดคุณภาพจากคำค้นหา หมายถึง คำค้นหาที่เรากำหนดจะต้องสอดคล้องกับหน้าเว็บไซต์โฆษณา เช่น เรากำหนดคำว่า "วิกผม" โฆษณา Google Adwords เราก็ต้องมี "วิกผม" เกี่ยวข้องด้วย แต่บางครั้งลูกค้าจะขาดความเข้าใจส่วนนี้ไป โดยที่ต้องการคำค้นหาที่มีปริมาณการค้นหาต่ำ และ ยังไม่ตรงกับตัวโฆษณา Google Adwords อีกด้วย
2. อัตตราการคลิกผ่านที่คาดหวัง (ค่า CTR) หมายถึง มีจำนวนคนคลิกสมดุลกับจำนวน การแสดงผลเท่าไหร่ เช่น มีคนค้นหาคำว่า "เสื้อเด็ก" 100 คน มีคนคลิกเว็บไซต์ เรากี่คน ถ้ามี 10 คนคิดเป็น 10/100 ราคาที่ Google คิดให้ก็จะแพงกว่าเว็บไซต์ ที่มีจำนวนการคลิก/การแสดงผล 50/100แน่นอน มีการแสดงผลโฆษณามากมีคลิกมาก ค่าคลิกจะถูก กลับกันนะค่ะ มีการแสดงผลมากแต่มีการคลิกน้อย Google จะคิดราคาให้แพงกว่า
3. ประสบการณ์หน้า landing page หมายถึง หน้าเว็บไซต์ที่เราทำมีคุณภาพตรง ตามมาตราฐานของ Google หรือไม่ การทำโฆษณา Google Adwords ไม่ใช่ว่าเราจะใส่คำอะไรลงไปก็ได้ Google เอง ก็ถามหาคำ หรือข้อมูลเหล่านั้นกลับมาหาเราเหมือนกัน โดยการสแกน ตรวจสอบ ข้อมูลคำค้นหาที่เรากำหนดจากหน้าเว็บไซต์ของเรา
ตัวอย่างเช่น มีคำหลักว่า "ขายดอกกุหลาบ" แต่เมื่อเข้ามาใน website ไม่มีข้อมูลของดอกกุหลาบเลย Google มองว่าไม่สอดคล้องกับเว็บไซด์ ให้ประสบการณ์ที่ไม่ดีแก่ผู้บริโภคเหมือนเราโดนหลอกนั้นแหละ
สรุปทั้งหมดนี้ เป็นการให้คะแนนของ Google คะแนนคุณภาพดี ราคาค่าคลิกถูก ตำแหน่งดี คะแนนคุณภาพไม่ดี ราคาค่าคลิกสูงขึ้น ตำแหน่งตกลงไป ถ้าอยากได้ตำแหน่งที่ดีขึ้นก็ต้องเพิ่มงบคำค้นหามากขึ้น กลับกัน บางเว็บไซต์ที่อยู่อันดับดีๆ อาจจ่ายถูกกว่าเราด้วยซ้ำเพราะว่าคะแนนคุณภาพของเขาดีกว่า ตรงตามมาตราฐานที่ Google วางไว้เป็นต้น
iTopPlus บริการรับทำเว็บไซต์ ทำโฆษณา Google AdWords โฆษณา Facebook บริการด้านการตลาดออนไลน์ครบวงจร